ประเพณีนมัสการองค์พระธาตุ วันเพ็ญเดือนสาม

 

 

ประเพณีนมัสการองค์พระธาตุ   วันเพ็ญเดือนสาม
             ประเพณีหนึ่งที่ชาวลุ่มแม่น้ำโขงถือเป็นภารกิจที่ทุกคนจะต้อง   เข้าร่วมพิธีคือ   ประเพณีนมัสการองค์พระธาตุพนมในวันเพ็ญเดือนสาม   พระธาตุพนมเป็นสิ่งศักดิ์และเป็นของคู่บ้านคู่เมือง   เป็นมิ่งขวัญของชาวตะวันออกเฉียงเหนือ และของชาวลุ่มแม่น้ำโขงทุกคน   พระธาตุพนม ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร   อำเภอธาตุพนม   ตามตำนานกล่าวว่าสร้างมานาน ไม่น้อยกว่า 2,300 ปี ในฤดูเทศกาลวันเพ็ญ เดือน 3 ของทุกปี   พุทธศาสนิกชนจะหลั่งไหล มาจากทุกสารทิศจำนวนเป็นแสน ๆ คนพากันมาสมโภชและนมัสการพระธาตุพนม งานนมัสการพระธาตุประจำปีถือเอวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3   ของทุกปี   เป็นวันแรกของงานไปสิ้นสุดเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3
 
ความเชื่อถือแต่โบราณ
             ในสมัยโบราณ   บรรดาชาวพุทธในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   ของประเทศไทย และในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว   มีความเชื่อถือสืบต่อกันมาว่า   ถ้าใครมีโอกาสได้เดินทางไปไหว้พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์   ทำบุญทำกุศล   ถวายเครื่องสักการบูชา   บริจาคทรัพย์สวดมนต์   ท่องบทสาธยายคัมภีร์พระธรรมและเจริญเมตตา   ภาวนาเฉพาะหน้าองค์พระธาตุพนมจิตใจจะสงบเยือกเย็นอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง   ถ้ายังไม่บรรลุพระนิพพานในชาตินี้เมื่อตายแล้ววิญญาณก็จะไปสู่สววรค์   เพราะฉะนั้นด้วยพลังของความเชื่อดังกล่าวนี้ได้ผลักดันให้แต่ละคนให้พยายามขวนขวายหาเพื่อบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์   เท่าที่สามารถจะทำได้   พวกชาวพุทธในถิ่นนี้ถือกันว่าองค์พระธาตุพนมไม่เพียงแต่จะเป็นเจดีย์   ที่บรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้าเท่านั้น   แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้า   เมื่อครั้งยังดำรงพระชนม์อยู่ได้เสด็จมาประทับแรมอยู่หนึ่งราตรี   ซึ่งเรื่องนี้ได้กล่าวไว้ในตำนาน พระธาตุพนม
                                    สถานที่ประสูติของเราตถาคต
                                    สถานที่ตรัสรู้พระอนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณ
                                    สถานที่แสดงปฐมเทศนา
                                    สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
พระธาตุพนม
                                    กำแพงแก้วก่ายซุ้ม                        เสมา
                        เบิกช่องบัญชรคา-                         รวะไหว้
                        อุรังคธาตุพระพุทธา-                                  นุภาพแห่ง
                        พระธาตุพนมประนมไว้                               เวี่ยคล้องลำโขง
                                    โยงดินย้อมน้ำธาตุ                        ประดิษฐาน
                        ส่ำกษัตริย์ราชบริพาร                                 สะพรึ่บพร้อม
                        ช้างม้ามิ่งมโนญาณ                                    พยุหบาท
                        เทวราชชุมราชล้อม                                   หล่อเลี้ยงรักษา
                                    ราหูกาลจักรเบื้อง              ทวารบัง
                        โปรยประดับดอกประดัง                              ดอกแต้ม
                        กงล้อพระสัจจัง                                        ผจงประจักษ์
                        พนมพุ่มบายศรีแย้ม                                   หยัดร้อยรินธรรม
                                    องค์ธรรมพระธาตุพริ้ง                    พนมธรรม
                        พนมจิตสู่จิตประจำ                                    ประจักษ์แจ้ง
                        สูงสุดต่ำสุดสัม-                                        ฤทธิศักดิ์ สิทธิ์แล
                        ตราบข่วงโขงไป่แล้ง                                  ไป่ล้มพนมสถาน
                        อีกประการหนึ่ง   พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสยืนยันว่า   พระสถูปเจดีย์อันเป็นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์   ก็ถือว่าเป็นปูชนีย์สถานเช่นเดียวกัน   เพราะฉะนั้น   พวกชาวพุทธจึงถือว่าผู้มีศรัทธาทำบุญต่าง ๆ   ในบริเวณสถานที่ดังกล่าวนี้   ย่อมได้ผลานิสงส์มากเหมือนกันพระธาตุพนมจึงกลายเป็นจุดรวมแห่งการแสวงบุญ
                  ในกรณีของพระธาตุพนมก็เหมือนกันกับปูชนียสถานในประเทศอื่น ๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนา   คือ   ได้ดัดแปลงรูปแบบแห่งการเคารพบูชาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์   แห่งหนึ่งในจำนวน   4   แห่ง   ซึ่งได้แก่สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน   ในความหมายว่า   พระบรมสารีริกธาตุและส่วนเหลืออื่น ๆ ของพระพุทธเจ้าเป็นสื่อแทน   พระพุทธองค์ ในความรู้สึกของผู้มีศรัทธา   ดังนั้น   พระสถูปเจดีย์ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพร้อมส่วนที่เหลืออื่น ๆ จึงถือเป็นจุดรวมแห่งการแสวงบุญ   อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ
                     ในตำนานอุรังคนิพานได้กล่าวถึงการสร้างพระธาตุพนมในยุคแรก   (ราว พ.ศ.8) ว่าพระมหากัสสปเถระซึ่งเป็นพุทธสาวกองค์สำคัญพร้อมพระอรหันต์ 500   นำพระอุรังคธาตุจากประเทศอินเดีย   แล้วร่วมกับเจ้าพญาทั้ง 5 นคร คือ
                        พญาสุวรรณภิงคาร                        ผู้ครองเมืองหนองหานหลวง
                        พญาคำแดง                                 ผู้ครองเมืองหนองหานน้อย
                        พญาจุลณีพรหมทัต                       ผู้ครองแคว้น 12 จุไทย
                        พญาอินทปฐนคร              ผู้ครองแคว้น เขมรโบราณ
                        พญานันทเสน                              ผู้ครองอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ (โคตบูร)
                        พระมหากัสสปเถระได้พญาทั้ง 5 นคร   ก่อสร้างองค์พระธาตุพนมที่   ดอยกปณคีรี   หรือภูกำพร้า   อยู่ในอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์   เมื่อสร้างพระธาตุพนมเสร็จ   พระมหากัสสปเถระ พระอรหันต์   แล้วเจ้าพญาเสด็จกลับไปแล้ว   พระอินทร์และเหล่าเทพยดาทั้งปวงก็เสด็จมาฉลองพระธาตุ   เป็นการใหญ่   นับเป็นงานพระธาตุครั้งแรก
                        พ.ศ.200   ในยุคของพญาสุมิตตธรรมวงศา   ผู้ครองเมืองมรุกนคร   และอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์   องค์ต่อมาได้ร่วมกับพระอรหันต์ทั้ง 5   คือ   พระมหารัตนเถระ   พระรัตนะเถระ   พระมหาสุวรรณปราสาทเถระ   พระจุลสุวรรณปราสาทเถระและพระสังขวิชาเถระ   ได้ร่วมกันบูรณะองค์พระธาตุพนม   ให้สูงขึ้นราว   24   เมตร   หลังจากบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างมโหฬาร และพระองค์   ได้ถวายทรัพย์สินมีค่ามากมายบูชาพระธาตุ   แล้วยังได้มอบหมายให้หมู่บ้านทั้ง   8 แห่ง   ในเขตแดนนั้น   ซึ่งมีจำนวนมากถึง   3,000 คน   เป็นผู้ดูแล   รักษาพระธาตุโดยไมต้องเสียส่วยสาอากรซึ่งเรียกว่า   ข้าโอกาสพระธาตุพนม   จากนั้นมา ก็เข้าใจว่าคงจะมีงานพระธาตุเรื่อยมา
                        พ.ศ. 2233  2263   เจ้าราชครูหลวงโพนสเม็ก พระเถระชาวเวียงจันทน์   ได้นำครอบครัวชาวเวียงจันทน์   ประมาณ 3,000 ครอบครัว   ล่องเรือมาตามแม่น้ำโขง   และท่านได้เป็นผู้นำในการบูรณะองค์พระธาตุพนมครั้งใหญ่   โดยเสริมยอดพระธาตถพนมให้สูงขึ้นเป็น   47   เมตร   ใช้เวลาในการบูรณะ ตั้งแต่ พ.ศ.   2236  2245 รวม 9 ปี   เมื่อบูรณะเสร็จแล้วท่านได้นำครอบครัวเหล่านั้นไปอยู่ที่นครจำปาศักดิ์   จนกระทั้งมรณภาพ
                        ในปี   พ.ศ. 2263   รวมอายุ   90 ปี   ในหนังสือประวัติเจ้าราชครูหลวงโพนสเม็ก ซึ่งเรียบเรียงโดย   พระมหาแก้ว   ถนโตภาโส   เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2482   หน้าที่   25 มีข้อความตอนหนึ่งว่า อย่าน้อยท่านคงไปมาระหว่างจำปาศักดิ์กับธาตุพนม   ปีละครั้งในงานนมัสการเป็นกิจวัตร   แสดงให้เห็นว่างานนมัสการพระธาตุพนมประจำปีมีขึ้นก่อน ยุคนั้นมาแล้ว

                        พ.ศ. 2444 ท่านพระครูอุดรพิทักษ์ฯ   (บุญรอด สมจิตร)   ซึ่งต่อมาภายหลังได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูวิโรจน์รัตนมล   ครองเมืองอุบลราชธานี   ในปี พ.ศ. 2446   ท่านได้เดินทางมาพร้อมคณะ   โดยทางเกวียนถึงวัดพระธาตุพนม    และเริ่มลงมือบูรณะพระธาตุพนม   เมื่อวันขึ้น