บายศรีสู่ขวัญ
ประเพณีที่คนในท้องถิ่นยึดถือปฏิบัติส่วนบุคคล
ในการดำรงชีวิตของประชาชนชาวจังหวัดนครพนม มีขนบธรรมเนียมประเพณีนิยมกันหลายอย่างคล้ายคลึงกับชาวไทยในจังหวัดใกล้เคียง มีวิธีปฏิบัติในการประกอบกิจการต่าง ๆ เป็นหลักการและความมุ่งหมายเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อให้บังเกิดความสุขสวัสดิภาพต่อไปนี้
การสู่ขวัญ (บายศรี) เป็นประเพณีการเรียกขวัญให้มาอยู่กับเนื้อกับตัวและอวยพรให้อยู่เย็นเป็นสุข มีอายุมั่น ขวัญยืน มีความเจริญก้าวหน้า และประสบโชคชัย นิยมทำกันเสมอในโอกาสต่าง ๆ เช่น เมื่อหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อคลอดบุตรแล้วจะออกไฟ เมื่อมีกิจ
ธุระต้องเดินทางไกลหรือจากบ้านไปนาน ๆ แล้วกลับมาเมื่อขึ้นบ้านใหม่ และเมื่อทำการบวชนาคและทำพิธีแต่งงาน เป็นต้น จะทำเป็นงานเล็กน้อยภายในครอบครัวระหว่างญาติมิตรที่สนิทสนมกัน หรือจะทำเป็นงานใหญ่เชิญแขกเหรื่อออกหน้าออกตา เช่น การสู่ขวัญวันแต่งงาน การบายศรีข้าราชการเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยมหรือย้ายไป
เครื่องใช้ ในการทำพิธีมีพาขวัญ (พานเครื่องขวัญ) ประกอบด้วยขันหมากเบ็ง (บายศรี) ที่ประดับด้วยดอกไม้ธูปเทียน ข้าวเหนียวนึ่งสุรากลั่น ไข่ไก่ต้ม ไก่ต้มทั้งตัว หรือหมูต้ม (เฉพาะหัว หาย และตีนทั้งสี่) เครื่องใช้ประจำตัวของผู้รับขวัญ มีผ้าห่มนอน กระจก หวี และมีด้ายสำหรับผูกข้อมือเป็นจำนวนมาก สิ่งของเหล่านี้จัดอยู่ในพานขวัญ ถ้ามีมากชั้นก็งานใหญ่คือ 1 ชั้น 3 ชั้น 5 ชั้น ถึง 7 ชั้นเป็นที่สุด นอกจากนี้มีหมากพลู บุหรี่ น้ำดื่ม สุราอาหารและกับแกล้มสำหรับแขกและเลี้ยงผู้มาในงาน
สถานที่ ประกอบพิธีสู่ขวัญโดยปกติใช้ห้องโถงภายในบ้านเรือน หรือลานบ้านกลางสนามแล้วแต่จะเหมาะสมกับงานที่จัด ตั้งพานขวัญบนผ้าห่มนอนของผู้รับขวัญ สิ่งของบริวารอื่น ๆ ตั้งไว้ข้างเคียงกัน เวลาทำพิธีก็แตกต่างกันตามลักษณะงานที่ทำเป็นต้นว่า สู่ขวัญเมื่อออกไฟทำในเวลาเช้า ขึ้นเรือนใหม่ทำในเวลาเช้า หายป่วยไข้ทำในเวลาค่ำ เมื่อแต่งงานทำในเวลาตามกำหนดวันเป็นต้น เมื่อพร้อมเพรียงกันแล้วก็เข้านั่งล้อมรอบพาขวัญ หมอสูตร (ผู้รู้ทำพิธี) พ่อแม่ญาติพี่น้องผู้ใหญ่นั่งด้านเหนือ ผู้รับขวัญและญาติมิตรแขกเหรื่อนั่งล้อมด้านล่างเริ่มพิธีโดยช่วยกันยกพาขวัญขึ้น หมอสูตรกล่าวว่าจะทำการสู่ขวัญให้แก่ผู้ใด ด้วยเหตุใดแล้วจุดธูปเทียนเปิดจุกขวดสุรา ประนมมือสวดคำเรียกขวัญ และอำนวยอวยพรเป็นทำนอง คนรับขวัญและบุคคลอื่นที่นั่งพับเพียบประนมมือฟังโดยสงบเสียงเคารพ มีการเปล่งเสียงรับในตอนเรียกขวัญเป็นการสนับสนุนบ้าง สวดจบแล้วทำการฟายเหล้า (เจิมมือด้วยน้ำสุรา) ต่อจากนี้นำฝ้ายผูกแขน (ด้ายผูกข้อมือ) มาผูกให้แก่ผู้รับขวัญเป็นคนแรก แล้วพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ผูกให้ตามลำดับขณะที่ผูกแขนต้องหงายมือข้างที่ผูกแตะพาขวัญ มีข้าวขวัญ ไก่ขวัญ ฯลฯ ให้ถืออีกมือหนึ่งยกขึ้นเสมออกเป็นการเคารพรับขวัญ และคำอวยพรคนอื่น ๆ จับข้อมือถือแขนหรือแตะเสื้อผ้าติดต่อกัน
คำสวด ในการเรียกขวัญอวยพรขณะที่ฟายเหล้าและผูกข้อมือ ถ้อยคำ สำนวนโวหารอันไพเราะคล้องจองกันมีคาถาแทรก ฟังแล้วรู้สึกศักดิ์สิทธิ์และซาบซึ้งตรึงใจ อ้างอำนาจคุณพระรัตนตรัยและอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาอารักษ์มีหลายแบบหลายสำนวนต่างกันไปตามลักษณะที่งานที่ทำขวัญ เมื่อผูกข้อมือกันเสร็จแล้วก็นับว่าเสร็จพิธี ต่อจากนี้ก็มีการกินเลี้ยงกันด้วยสุราอาหาร และสนทนาปราศรัยต่อกันเป็นที่สนุกสนาน เบิกบานใจ หรือจะมีการละเล่นอย่างใดอีกให้รื่นเริงตามแต่เจ้าภาพจะเห็นควรและจัดขึ้น พอสมควรแก่เวลาแล้วก็อำลากลับไป
การส่อนขวัญ เป็นประเพณีโบราณอย่างหนึ่งที่กำลังจะสูญหายไป วัตถุประสงค์ของพิธีกรรมนี้ก็คือเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ
ส่อน หมายถึง ตักเอา ช้อนเอา เมื่อผู้ใดประสบอุบัติเหตุ เช่น ตกจากที่สูง โค กระบือชนก็จะเสียขวัญหรือขวัญเสียความตกใจกลัวยังไม่หายไป เวลานอนก็จะสะดุ้งหรือละเมออยู่ทำให้พ่อแม่และญาติพี่น้องเกิดความสงสาร จึงจัดทำพิธีส่อนขวัญให้แก่ผู้ได้รับอุบัติเหตุเพื่อเป็นการบำรุงขวัญ
เครื่องส่อนขวัญมีสวิงที่ใช้ตักหรือช้อนกุ้ง ปลา หรือจะใช้ผ้าสี่เหลี่ยมก็ได้ ไข่ไก่ต้มสุกแล้ว 1 ฟอง ข้าวเหนียวสุกก้อนขนาดไข่เป็ด 1 ก้อน ข้าวต้มและขนมอื่น ๆ ตามแต่จะหาได้เส้นฝ้ายสำหรับผูกข้อมือจำนวนหนึ่ง เสื้อผ้าของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ 1 ชุด เมื่อเตรียมสิ่งของต่าง ๆ พร้อมแล้วนำไปใส่ไว้ในสวิงหรือผ้าสี่เหลี่ยม ให้ผู้อาวุโสซึ่งอาจเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ของผู้ประสบอุบัติเหตุคนใดคนหนึ่งก็ได้ยกสวิงหรือผ้าที่บรรจุเครื่องส่อนขวัญไว้แล้วไปยังบริเวณที่เกิดเหตุยืนอยู่สักครู่ยกของขึ้นกล่าวว่า เจ้าแม่ธรณ๊เจ้าที่เจ้าทางแห่งนี้เอย วันนี้เวลา…(นาย/นาง/เด็กชาย/เด็กหญิง)…ได้มาประสบอุบัติเหตุ ณ ที่แห่งนี้ขณะนี้ยังเจ็บป่วยอยู่จึงได้มาส่อนเอาขวัญของ…ที่ยังตกค้างอยู่ ณ ที่แห่งนี้กลับคืนไปอยู่กับเนื้อกับตัวของเขา จากนั้นก็ใช้มือสองมือจับสวิงตักไปมาพร้อมกับพูดว่า ขอให้ผู้ป่วยจงหายเจ็บป่วยโดยเร็ว ดารใดที่ผู้ป่วยล่วงเกิน พระแม่ธรณี และเจ้าที่เจ้าทางก็ขออโหสิกรรมด้วย เสร็จแล้วเอามือข้างหนึ่งลดจากขอบสวิงโอบรัดรอบ ๆ สวิงหรือผ้า อุ้มเอาสิ่งของต่าง ๆ ในสวิงกลับไปบ้านผู้ป่วย (ห้ามแวะที่อื่น) ในขณะนี้บรรดาญาติของผู้ป่วยกำลังห้อมล้อมคอยอยู่ เมื่อไปถึงบ้านผู้ป่วยแล้วเอาสวิงหรือห่อผ้าที่บรรจุสิ่งของนั้นไปแตะที่ตัวผู้ป่วย ผู้ไปส่อนขวัญและบรรดาญาติจะพูดพร้อม ๆ กันว่า เออ…ขวัญเจ้าได้คืนมาอยู่กับเนื้อกับตัวเจ้าแล้ว ขวัญเอยมาเดอ…ขอห้าหายป่วยหายเคราะห์โดยเร็ว จากนั้นก็วางสวิงหรือห่อผ้าลงที่พื้น หยิบเอาสิ่งของออกมา เสื้อผ้าถ้าสวมใส่ได้ก็ใส่เลย ถ้าใส่ไม่ได้เพราะป่วยหนักก็วางไว้ข้าง ๆ คนเฒ่าคนแก่คนหนึ่งเอาข้าวเหนียวนึ่ง ไข่ไก่ต้ม ข้าวต้ม และขนมใส่มือผู้ป่วย ผูกแขนเรียกขวัญผู้ป่วยให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว บรรดาญาติก็ทยอยเข้ามาผูกข้อมือจนหมดทุกนคเป็นอันเสร็จพิธีการส่อนขวัญ
www.nakhonpanom.com