ดอนแกวกอง


ดอนแกวกอง

ดอนแกวกอง  เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ในแม่น้ำโขงค่อนมาทางฝั่งไทย
ที่ตั้ง   บ้านหนองจันทร์ ตำบลท่าค้อ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ดอนแกวกอง มีลักษณะเป็นหาดทรายงอกยาวขึ้นมาทางเหนือจรดท้ายเมืองนครพนม และติดกับชายฝั่งโขงโดยตลอดชาวเมืองเรียกว่าหาดแกวกองบ้าง หาดหนองจันทร์บ้าง เมื่อถึงฤดูแล้งจะเห็นหาดแกวกองยื่นออกไปกลางแม่น้ำโขงเกือบจรดเมืองท่าแขกของประเทศลาว
ประวัติ ตำนานเมืองศรีโคตรบูรณ์ในตอนหนึ่งกล่าวว่าเกิดการชิงความเป็นใหญ่ ในแผ่นดินระหว่างพระนครานุรักษ์ (ท้าวคำสิงห์) ซึ่งเป็นราชบุตรเขยของพระบรมราชา (เอวก่าน) คือเมื่อพระยาขัติยวงศาราชบุตร มหาฤาไชยไตรทศฤาเดชเชษฐบุรี ศรีโคตรบูรณ์หลวงได้ถึงแก่พิราลัยแล้วเจ้าเอวก่านพระโอรสขึ้นครองนครแทน มีพระนามว่า พระบรมราชา   (เอวก่าน) ครองนครศรีโคตรบูรณ์ อยู่ได้ 24 ปี ก็ถึงแก่พิลาลัย เจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ จึงแต่งตั้งให้ท้าวคำสิงห์ราชบุตรเขย พระบรมราชา (เอวก่าน) ขึ้นครองนครแทน มีพระนามว่า พระนครานุรักษ์ ต่มาได้พิจารณาเห็นว่าเมืองศรีโคตรบูรณ์นี้มิได้ตั้งอยู่ปากน้ำหินบูนอย่างแต่ก่อน (คือขณะนี้ตั้งอยู่ที่บ้านเมืองเก่า)   จึงให้เปลี่ยนชื่อเมืองเสียใหม่ว่า เมืองมรุกขนคร   ในการที่พระนครานุรักษ์ (ท้าวคำสิงห์)   ราชบุตรเขยได้ครองเมืองในครั้งนั้น ทำให้ท้าวกู่แก้ว ซึ่งเป็นพระโอรสพระบรมราชา (เอวก่าน)   ขณะนั้นไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กอยู่กับเจ้านครนำปาศักดิ์ตั้งแต่พระชนมายุได้ 15 ชันษาทรงทราบว่าท้าวคำสิงห์ได้ครองนครแทนบิดาก็ไม่พอใจ  จึงทูลลาเจ้านครจำศักดิ์ขึ้นมาเหลี้ยกล่อมราบฎร ได้กำลังคนเป็นจำนวนมาก แล้วสร้างเมืองขึ้นที่บ้านแก้งเหล็กริมห้วยน้ำขมชื่อว่าเมืองมหาชัยกอบแก้วตั้งแข็งเมืองอยู่ พระนครานุรักษ์ทรงทราบ จึงไปขอกำลังจากกรุงศรีสัตนาครหุต (เวียงจันทน์) แต่ไม่ได้จึงไปขอจากเมืองญวนได้มา 6,000 คน แล้วจัดให้ทหารญวนพักอยู่ที่เมืองคำเกิด เพราะเกรงว่าท้าวกู่แก้วทราบเรื่องก่อนจึงยกไพร่พล 4,000 คน คุมเครื่องบรรณาการไอหาแม่ทัพญวนที่เมืองคำเกิด แล้วแอบอ้างว่าเป็นเจ้าเมืองมรุกขนคร ฝ่ายญวนหลงเชื่อจึงสมทบกับไป ตีเมืองมรุกขนครแตก พระนครานุรักษ์จึงพาครอบครัวหนีข้ามแม่น้ำโขงไปอยู่ที่ดงเซกา แล้วขอกำลังจากเวียงจันทน์อีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าเวียงจันทน์ได้ให้พระยาเชียงสาเป็นแม่ทัพมาช่วยโดยตั้งค่ายอยู่ที่บ้านหนองจันทน์อีกฝ่ายหนึ่งที่บ้านธาตุน้อยศรีบุญเรืองแล้วจัดไพร่พลทั้งสองค่ายกระขานเป็นปีกกาโอบถึงกั่น เพื่อจะโจมตีเมืองมรุกขนคร ฝ่ายทัพญวนที่มาช่วยท้าวกู่แก้ว ตั้งทัพอยู่ที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ได้เอาไม้ไผ่มาทำสะพานเป็นแพลูกบวบ จะยกข้ามแม่น้ำโขงมาโจมตีทัพพระยาเชียงสา กะว่าพอจะไต่ข้ามถึงฝั่งไว้   เมื่อหัวแพข้ามถึงฝั่งขวาแล้วจะชะเป็นสะพานลำเลียงให้ทหารไต่ข้ามโขม   ขณะที่ทหารแกวกำลังผลักแพไม้ข้ามโขงนี้เอง ฝ่ายพระยาเชียงสาได้ใช้ปืนใหญ่ยิงตัดสะพานแพลูกบวบขาดเป็นท่อน ๆ แล้วยกกำลังเข้าสู้รบกัลป์แกวกลางแม่น้ำโขง ทหารแกวถูกยิง ฟั่น แทง ตายตกแม่น้ำเกลื่อนกลาด จนแตกพ่าย ศพทหารแกวลอยไปติดที่เกาะดอนกองทับถมกั่นเป็นจำนวนมาก เกาะนี้จึงได้ชื่อเรียกว่า ดอนแกวกอง มาจนถึงทุกวันนี้
ปลายมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2488 ทหารญี่ปุ่นเข่ายึดครองปลดอาวุธฝรั่งเศสทั่วอินโดรจีน ซึ่งประเทศลาว เขมร   และเวียดนามไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสเหมือนอย่างเดิม จึงได้มีการต่อสู้กันทั่วไปในอินโดจีน ในระหว่างที่ญี่ปุ่นยึดครองอยู่นั้นรัฐบาลลาวได้ขอร้องให้ญี่ปุ่นส่งคนญวนหลับประเทศของเขา เพราะต่างก็เป็นเอกราชแล้ว ฝ่ายญวนก็เห็นชอบด้วยจึงอพยพคนญวนจากหลวงพระบางเวียงจันทน์ จำนวนหลายหมื่นคนมารวมไว้ที่เมืองท่าแขก)  ผ่ายญี่ปุ่นเมื่อแพ้สงครามแล้วก็ต้องถอยทัพกลับ แต่ลาวกับญวนก็ยังทำการต่อสู้กับฝรั่งเศสเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2489 เมืองท่าแขกแตก เพราะฝรั่งเศสรุกหนัก ทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ ฝรั่งเศสได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดทำลายอย่างหนัก ทหารที่รักษาเมืองท่าแขกเห็นว่าสู้ไม่ไหวแล้ว จึงปล่อยให้ประชาชนอพยพข้ามมาฝั่งขวา   ในขณะที่เรือบรรทุกผู้อพยพกำลังลอยอยู่เต็มแม่น้ำโงนั้นเอง เครื่องบินรบของฝรั่งเศส 2 ลำก็ยิงกราดมาที่เรือบินวนอยู่ไปมาหลายเที่ยว ทำให้เรือล่ม ไฟไหม้ คนจมน้ำตายเป็นจำนวนมากส่วนมากเป็นแกวศพแกวก็ได้ลอยไปติดอยู่ที่บริเวณดอนแกวกองอีกเป็นครั้งที่ 2