จารึกในจังหวัดนครพนม
จารึก จารึกหมายถึง การบันทึกลายลักษณ์อักษรลงบนวัสดุถาวร เช่น ศิลา แผ่นโลหะ แผ่นอิฐ ฯลฯ จารึก เป็นกุญแจสำคัญที่ไขไปสู่ความกระจ่างของประวัติศาสตร์ ทั้งเป็นสิ่งยืนยันความสำคัญในอดีตของชุมชนนั้น
จารึกในจังหวัดนครพนม ระยะเริ่มแรกของการสอบค้นศิลาจารึก ในจังหวัดนครพนมนั้นเริ่มขึ้นในช่วงราว ค.ศ. 1882 – 1883 (พ.ศ. 2425 – 2426) โดยคณะนักสำรัจชาวฝรั่งเศสนำโดยนายเอเจียนแอมมอนิเยซึ่งออกสำรวจหาศิลาจารึก ในเขตประเทศลาว สยามเมื่อเดินทางถึงเมืองนครพนมได้ไปพิมพ์เอาจารึกภาษาลาวบนแผ่นหินทรายด้านหลังพระพุทธรูปที่วัดแก่งเมืองและในเขตเมืองไชยบุรี ได้พบจารึกที่วัดใต้ วัดกลาง (เอเจียน แอมอนิเย/ทองสมุทรโดเรและสมหมาย เปรมจิตต์ แปล)
จารึกที่พบในระยะหลังตั้งแต่ราว พ.ศ. 2450 ลงมา ส่วนใหญ่จะเป็นจารึก ใบเสมาและจารึกฐานพระพุทธรูปการค้นพบจารึกครั้งสำคัญอยู่ในช่วงที่องค์พระธาตุพนมล้ม (ศิลปากร. 2522) ภายในองค์พระธาตุบรรจุวัตถุซึ่งมีอักษรจารึกอยู่เป็นจำนวนมากถึง 1,061 ชิ้น (ไม่รวมที่ชำรุดมาก) เป็นจารึกฐานบนพระพุทธรูปทั้งโลหะและหินทราย 1,015 องค์ และประเภทแผ่นจารึก เช่น จารึกลานเงิน จารึกบนแผ่นอิฐ จำนวน 46 ชิ้น
จารึกที่บรรจุอยู่ภายในองค์พระธาตุพนม แบ่งตามเนื้อหาได้ 8 ประเภท ดังนี้
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา และปรารถนาถึงพระนิพพาน
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศไว้กับพระพุทธศาสนาพร้อมทั้งมอบข้าคนให้เป็นข้าวัด
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นโดยขอให้สำเร็จตามความปรารถนา
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเสดาะเคราะห์
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ไหว้นบ
พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการทำบุญ
การอุทิศสิ่งของไว้ในองค์พระธาตุพนม
จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัยพบในกรุหมายเลข 26 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 26 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2225 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 20 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2232 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา และปรารถนาถึงพระนิพพาน
จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 21 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 20 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2220 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา และปรารถนาถึงพระนิพพาน
จารึกฐานพระพุทธรูปทองคำ ฐานบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 20 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น เพื่ออุทิศไว้กับพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งมอบข้าคนให้เป็นข้าวัด
จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 15 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นโดยขอให้สำเร็จตามความปรารถนา
จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 26 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเสดาะเคราะห์ จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 21 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2232 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ไหว้นบ จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 21 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ไหว้นบ จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 20 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2218 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการทำบุญ จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 14 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการทำบุญ จารึกฐานพระพุทธรูปบุเงิน ปางมารวิชัย พบในกรุหมายเลข 15 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการทำบุญ จารึกแผ่นทอง : 2518) พบตอนกลางขององค์พระธาตุพนมช่วงที่ 2 จารึกมี 2 ด้านด้านหน้ามีจารึก 1 บรรทัด เป็นจารึกภาษาบาลี อักษรลาว ตัวธรรม ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม(วัชรินทร์ พุ่มพงษ์แพทย์
สาระสำคัญ ด้านหน้าจารึกคาถา ปฏิจจสมุปบาท จารึกด้านหลังมีความตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระสังฆราชาสทฺธมฺมโชตนญาณวิเสด เป็นผู้ลิขิต จารึกแผ่นเงินมีดวง(วัชรินทร์ พุ่มพงษ์แพทย์ : 2518) พบรองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมตรงกลางของพระธาตุจำลองชั้นล่างที่เป็นหิน บรรจุอยู่ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกระบุศักราชซึ่งเทียบได้กับปี พ.ศ. 2217 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึง สมเด็จพระสังฆราชาสทฺธมฺมโชตนญาณวิเสด เป็นผู้ลิขิต ขอให้เถิง … ภายหน้า
จารึกลานเงิน พบในกรุหมายเลข 10 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2241 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงการนำอูบพระชินธาตุเจ้า ที่จันทปุระมาฐาปนาในองค์พระธาตุพนม
จารึกลานเงิน พบในกรุหมายเลข 44 ภายในองค์พระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2238 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ เป็นพระราชสาส์นตราตั้งกล่าวถึงพระราชอาชญาเจ้านครวรกษัติย์ขัติยราชวงศาเจ้าสิทธิพระพรนามแสนจันทรานิทธสิทธิมงคลสุนทรอมร
จารึกบนแผ่นอิฐหมายเลข 4 พบที่วัดพระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ ชื่อบุคคลคือ นายแก่นศิลา จารึกบนแผ่นอิฐหมายเลข 26 พบที่วัดพระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงนางเจียงจูมี อธิษฐานขอให้ได้สมดังปรารถนา จารึกบนแผ่นอิฐหมายเลข 27 พบที่วัดพระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. 2191 – 2244 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ ชื่อบุคคลคือ หม่อมจำดวง จารึกฐานพระพุทธรูปทองคำ (วัชรินทร์ พุ่มพงษ์แพทย์ : 2518) พบภายในองค์พระธาตุพนมชั้นที่ 2 ระบุศักราชเทียบได้กับ พ.ศ.2231 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงเจ้านางแสนภูมี กับทั้งแม่มีปสาธะศรัทธาสร้างพระเจ้าองค์นี้ไว้กับศาสนา นิพานปจฺจโยโหตุ
จารึกฐานพระพุทธรูปวัดพระธาตุพนม 1 (ธวัช ปุณโณทก : 2531) ปางมารวิชัยสำริด พบที่อุโบสถวัดพระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรธรรมอีสารและอักษรไทยน้อยระบุ พ.ศ. 2046 ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดพระธาตพนม
สาระสำคัญ จารึกบอกศักราชได้ 865 ตัว เทียบได้กับ พ.ศ. 2046
จารึกวัดพระธาตุพนม 2 จารึกใบเสมาหินทราย พบที่ใต้ฐานหอพระแก้ววัดพระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย ระบุ จ.ศ 976 ตรงกับ พ.ศ. 2157 ปัจจุบันอยู่ในห้องเก็บขอ ง ที่วิหารคดวิดพระธาตุพนม
สาระสำคัญ พระยานครพิชิตธานี พร้อมด้วยท้าวพระยาในท้องถิ่นได้บูรณะวัดพระธาตุพนม และสร้างกำแพงแก้วล้อมรอบพระธาตุ รวมทั้งสร้างถาวรวัตถุอื่น ๆ ตอนท้ายได้สาปแช่งผู้ถือสิทธิ์ครอบครองทำลายทานวัตถุอันได้แก่ ทาสโอกาส ที่ดิน ไร่นาของวัด ในครั้งนี้ได้บูรณะเรือนธาตุชั้นที่ 1 และกล่าวถึงการตกแต่งด้วย
จารึกวัดพระธาตุพนม 3 จารึกแผ่นอิฐเผารูปใบเสมา พบที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพระนม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย ระบุ จ.ศ 1168 ตรงกับ พ.ศ. 2349 ปัจจุบันอยู่ที่กุฏิรองเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระยาจันทสุริยวงศา เจ้าเมืองมุกดาหารได้ส่งขุนนางมาช่วยฟืนฟูพระพุทธศาสนาสร้างพระอุโบสถที่วัดพระธาตุพนมเมื่อ พ.ศ. 2349
จารึกวัดพระธาตุพนม 4 จารึกพระพุทธรูปศิลาทราย พบที่เจดีย์รายด้านทิศตะวันตกขององค์พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนม จาตึกด้วยอักษรธรรมอีสาน พ.ศ. 2440 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงหัวครูจันทรา ได้สร้างพระพุทธรูปศิลาไว้กับวัดพระธาตุพนม
จารึกวัดพระธาตุพนม 5 จารึกใบเสมาหินทราย พบที่ห้องเก็บของภายในวิหารคดวัดพระธาตุพนม จารึกด้วยอักษรธรรมอีสาน ระบบจุลศักราช 1283 ตรงกับ พ.ศ. 2464 ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงเจ้าครูศีลาภิรัตน์ พร้อมกับญาติโยมได้ประดิษฐาน พัทธสีมาที่วัดพระธาตุพนม
จารึกวัดพระธาตุพนม 6 จารึกใบเสมาหินทราย พบที่บ้านใต้หลังโรงเรียนพนมวิทยาคาร อำเภอธาตพนม จังหวัดนครพนม จารึกด้วยอักษรธรรมอีสาร ระบุปี พ.ศ. 2466 ปัจจุบันอยู่ที่หน้ากุฏิพระในวัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงเจ้าครูศีลาติรัตน์ พร้อมทั้งคณะสงฆ์และทายกทายิกาทั้งหลายได้พร้อมใจกันสร้างหอสวดมนต์ที่วัดพระธาตุพนม
จารึกวัดไตรภูมิ 1 จารึกใบเสมาหินทราย พบที่วัดใต้เมืองไชยบุรี จารึกด้วยอักษรธรรมอีสาน อายุราว พ.ศ. 2357 ปัจจุบันอยู่ที่วัดไตรภูมิ บ้านไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ เจ้าเมืองหงสาวดีพี่น้องซึ่งย้ายมาจากเมืองหงสาหรือหงสาวดี อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณปากน้ำสงคราม ตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองไชยสุทธิอุตมบุรี และพร้อมด้วยเสนาอมาตย์ ได้พร้อมกันสร้างวัดสุนันท์มหาอาราม
จารึกวัดไตรภูมิ ๒ จารึกใบเสมาหินทราย จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. ๒๓๘๓ ปัจจุบันอยู่ที่วัดไตรภูมิ บ้านไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ เจ้าเมืองหงสาวดี ๒ พี่น้อง มาตั้งเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี (ไชยบุรี) เมื่อปีจอ (พ.ศ. ๒๕๗) และพร้อมใจกันสร้างวัดมหาอุตมนันทอาราม
จารึก,นพระพุทธรูปวัดศรีชมชื่น จารึกฐานพระพุทธรูปสำริด ซึ่งคงจะอยู่ที่วัดศรีชมชื่นมาแต่เดิม จารึกด้วยอักษรไทยน้อย อายุราว พ.ศ. ๒๓๔๙ ปัจจุบันอยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดศรีชมชื่น บ้านพิมาน ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญมหาราชครูคัมภีร์ปัญญาสร้างพระพุทธรูปไว้เพื่อพระพุทธศาสนา และปรารถนาถึงพระนิพพาน
จารึกฐานพระพุทธรูปวัดโอกาสศรีบัวบาน จารึกบนฐานรูปศิลาซึ่งคงจะอยู่ที่วัดโอกาสศรีบัวบานมาแต่เดิม จารึกด้วยอักษรธรรมอีสาน อายุราว พ.ศ. ๒๓๙๘ ปัจจุบันอยู่ที่วัดโอกาสศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ได้ทรงแต่งตั้งเจ้าอุปราชชื่นเป็นพระพนมนครานุรักษาธิบดีศรีโคตรรบองหลวงเจ้าเมืองนครพนม จึงสร้างพระพุทธรูปศิลาขนาดหนักเท่าตัวในวันขึ้นครองเมืองนครพนม (ธวัช ปุณโณทก : ๒๕๓๑)
จารึกพระบางพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร หล่อด้วยทองเหลืองจารึกตัวอักษรลาวเก่า ระบุปี พ.ศ. ๒๐๐๘ ปัจจุบันอยู่ที่วัดไตรภูมิ อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
สาระสำคัญ สมเด็จพระเหมมะวันทากับทังอังเตวาสิ อุบาสกอุบาสิกา ได้สร้างพระขนาดเท่าตัวคนไว้เป็นที่สักการบูชา
จารึกวัดแก้งเมืองจารึกบนเสมาหินทราย พบที่วัดแก่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม จารึกด้วยอักษรไทยอีสาน (ไทยน้อย) ปัจจุบันเก็บไว้ที่วัดแก่งเมือง
จารึกฐานพระพุทธรูปวัดโพธิ์ศรี จารึกบนฐานพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยพบที่วัดโพธิ์ศรี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เมือเดือนกันยายน ๒๕๔๓ จารึกด้วยอักษรไทย-ธรรมอีสาน ระบุศักราช ๒๐๖๖ (จ.ศ. ๘๘๕) ปัจจุบันทึกเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ศรี
สรุปว่า จารึกที่พบในจังหวัดนครพนมนั้น มีอายุช่วงปลายอยุธยา-ต้นระตนโกสินทร์ สามารถจัดแบ่งตามกลุ่มตัวอักษรได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ
๑. อักษรไทยน้อย จารึกกลุ่มนี้ จัดอยู่ในช่วงราว ปี พ.ศ. ๒๐๔๖-๒๔๖
๒. อักษรธรรมอีสาน จารึกกลุ่มกลุ่มนี้ จัดอยู่ในช่วงราว ปี พ.ศ. ๒๐๔๖-๒๓๘๓
ตำนาน ตำนานเป็นเรื้องเล่าสืบต่อกันมาช้านาน มักมีเนื้อหาเกี่ยวกับอิทธิปาฎิหาริย์หรือวีรกรรมของบรรพบุรุษอันเป็นที่มาของวัตถุหรือสถานที่สำคัญของแต่ละท้องถิ่นจังหวัดนครพนม มีอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) เป็นตำนานหรือนิทานพื้นบ้านเก่าแก่ นายพิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถาน กรมศิลปากรวิเคราะห์เนื้อหาของตำนานไว้ว่าน่าจะแต่งขึ้นราวช่วง จศ. ๙๙๕-๑๐๐๐ หรือตรงกับปี พ.ศ.
๒๑๗๖-๒๑๘๑ โดยมีจุดประสงค์เป็นการยอพระเกียรติพระเจ้าสุริยวงศา กษัตริย์ผู้ที่เข้ามาระงับความยุ่งยากภายในอาณาจักรลาว และได้ขึ้นครองเมืองเวียงจันทน์ต่อมา ผู้แต่งคือพระยาศรีไชยชมพู ข้าราชสำนักลาว สมัยพระเจ้าสุริยวงศานั่นเอง
วิธีการเรียบเรียงมีลักษณะเช่นเดียวกับตำนานของทางล้านนา ส่วนลำดับเนื้อหาเรียงกันอย่างมีระเบียบตามกาลเวลาที่ตำนานได้สมมติขึ้น คือเริ่มด้วยพุทธทำนาย ช่วงก่อนพระพุทธเจ้านิพพาน หลังพระพุทธเจ้านิพพาน และร่วมระยะเวลาเดียวกันกับพระเจ้าอโศก ในตอนท้ายของตำนานได้รวมคติความเชื่อเก่าด้านต่าง ๆ ที่กระจาย ในดินแดน ๒ ฝั่งโขงเข้าไว้ด้วยเป็นต้นว่า นิทานปรัมปรา (Myths) ที่เกี่ยวกับการเกิดรอยพระบาทในสถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น ตำนานพระธาตุพนม บาทลักษณะนิทานเรื่องราวการเกิดรอยพระบาทในสถานที่ต่างๆ ศาสนนครนิทาน เช่น กำเนิดเมืองเวียงจันทน์ และเมืองร้อยเอ็ด เป็นต้น สำคัญที่สุด คือ ตำนาอุรังคธาตุได้สะท้อนแนวความคิดของคนที่มีต่อดินแดนที่ตนตั้งถิ่นฐานอยู่ และแสดงถึงความถึงความสัมพันธ์ทีมีต่อดินแดนข้างเคียงด้วย
ตำนานรอยพระพุทธบาทเวินปลา พระพุทธบาทเวินปลาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นบาทลักษณะนิทานปรากฏในตำนานอุรังคธาตุกล่าวถึงว่า แต่นั้นพระพุทธองค์จึงเสด็จไปสู่เมืองศรีโคตรรบองเพียวที่อยู่แห่งพญาปลาตัวหนึ่งพญาปลาตัวนั้นได้เห็นพระรัศมีของพระพุทธองค์จึงได้พาบริวารล่องไปตาม พระพุทธองค์ทรงเห็นการณ์ ดังนั้นจึงแย้มพระโอษฐ์ เจ้าอานนท์จึงทูลถามว่า พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ด้วยเหตุอันใด พร่ะพุทธองค์ตรัสว่า ตถาคตเห็นพระยาปลาตัวหนึ่งพายริวารมาถึงฝั่งน้ำที่นี้ และพญาปลาตัวนี้เมื่อเป็นมนุษย์ได้บวชในสำนักพระพุทธองค์ เชื่อว่า กัสสป ได้มาถึงแม่น้ำที่อยู่นั้น ภิกษุรูปนั่นได้เด็ดใบไม้กรองน้ำฉัน เมื่อใกล้จุติมีความกินแหนง ในการที่ได้กระทำนั้นจึงได้มาเกิดเป็นพญาปลาอยู่ในแม่น้ำนั้น เมื่อมันได้เห็นรัศมีและได้ยอนเสียงฆ้อง กลอง แส่ง จึงได้ออกมาจากที่อยู่เป็นอาจิณ ด้วยเหตุว่ามีนเคยได้ยินสัททารมณ์อันดีมาแต่ก่อนจึงได้รู้สัพพสัญญานั้น ๆ และปลาตัวนี้จะมีอายุยืนตลอดถึงพระอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ลงมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า จึงจักได้จุติจากชาติอันเป็นปลามาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วออกบวชเป็นภิกษุในสำนักพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อพญาปลาตัวนั้นได้ยินพระพุทธพยากรณ์อันนี้ก็ชื่นขมยินดียื่งนัก จึงมาคำนึงนึกแต่ในใจว่าอยากจะได้รอยพระบาท ของพระศาสดาไว้เป็นที่สักการะ พระพุทธองค์ทรงทราบจึงทรงพระเมตตาอธิษฐานรอยพระบาทไว้ที่โหง่นหินในน้ำที่นั้น คนทั้งหลายจึงเรียกที่นั้นว่าพระบาทเวินปลามาเท่ากาลบัดนี้ (อุรังคธาตุตำนาน พระธาตุพนม 2537)
www.nakhonpanom.com